การทำงานของปั๊มโดยไม่มีน้ำ: ทำไมมันถึงเป็นอันตราย?
การทำงานของปั๊มโดยไม่มีน้ำ (Dry running) สามารถก่อให้เกิดปัญหาหลายประการที่ร้ายแรง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติงานหลายคนกลับไม่ทราบถึงอันตรายที่เกิดขึ้น เมื่อปั๊มทำงานโดยไม่มีน้ำไหลผ่าน ปั๊มจะเกิดความร้อนและแรงที่มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสึกหรอและเสียหายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มสูงขึ้น การหลีกเลี่ยงการทำงานโดยไม่มีน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญในการรับรู้ถึงความรุนแรงของปัญหานี้
การทำงานของปั๊มโดยไม่มีน้ำคืออะไร?
เมื่อปั๊มทำงานโดยไม่มีน้ำ มันจะทำงานโดยไม่มีของเหลวไหลผ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดแรงกดดันที่มากเกินไปกับส่วนประกอบที่เคลื่อนไหวของปั๊ม ปั๊มที่ทำงานในสภาวะแห้งจะไม่สามารถหมุนเวียนของเหลวได้ และจะขับเคลื่อนแต่อากาศเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดการเสียดสี ความร้อน และทำลายส่วนประกอบภายในที่บอบบาง ปั๊มไฮดรอลิกนั้นโดยปกติจะออกแบบมาให้ทำงานเมื่อมันเต็มไปด้วยของเหลว เมื่อมันทำงานของเหลวภายในจะช่วยรักษาชิ้นส่วนภายในให้เย็นและช่วยในการจัดตำแหน่งของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว เช่น โรเตอร์
ปั๊มที่ทำงานภายใต้ความดันสูงจะสามารถเกิดปัญหาการเควียต (Cavitation) ได้จากการระเหยของของเหลว หากทำให้ปั๊มทำงานแห้งอย่างสมบูรณ์จะส่งผลเสียต่อความทนทานของปั๊ม ปั๊มที่สามารถดูดน้ำได้เอง (Self-priming pumps) ก็ยังควรทำงานเมื่อมีของเหลวในปริมาณที่เพียงพอ เพราะมันสามารถทนต่อสภาวะที่แห้งบางส่วนในระหว่างการดูดน้ำได้เท่านั้น
การทำงานของปั๊มไฮดรอลิกโดยไม่มีน้ำจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เช่น การสึกหรออย่างรวดเร็วจากความร้อน การสั่นสะเทือนรุนแรง หรือการล็อกตัวหรือการติดขัดของส่วนประกอบสำคัญ ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนปั๊มใหม่
ความเสียหายที่เกิดจากการทำงานโดยไม่มีน้ำ
การทำงานของปั๊มไฮดรอลิกโดยไม่มีน้ำสามารถทำให้เกิดปัญหาหลายประการกับชิ้นส่วนของปั๊มและระบบไฮดรอลิกของคุณได้ ตัวอย่างปัญหาที่พบบ่อยจากการทำงานโดยไม่มีน้ำมีดังนี้:
ความเสียหายของที่อยู่อาศัย (Housing)
อุณหภูมิสูงที่เกิดจากการทำงานโดยไม่มีน้ำสามารถทำลายปั๊มของคุณได้ โดยการกัดกร่อนที่ตัวที่อยู่อาศัยและทำให้เกิดการรั่วไหล หากความร้อนและความดันมากเกินไป อาจทำให้บอสของที่อยู่อาศัยเสียรูป ทำให้ใบพัดไม่สามารถหมุนได้อย่างอิสระ และทำให้ปั๊มของคุณไม่สามารถทำงานได้ การซ่อมแซมปั๊มที่มีความเสียหายหนักและรั่วไหลอาจต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ความเสียหายของใบพัด (Impeller)
ใบพัดของปั๊มก็สามารถได้รับความเสียหายจากความร้อนที่เกิดจากการทำงานโดยไม่มีน้ำเช่นเดียวกับที่อยู่อาศัยของปั๊ม การทำงานแห้งทำให้เกิดการเสียดสี และการเสียดสีนี้จะทำให้ใบพัดร้อนขึ้นจนหลอมละลาย การหลอมละลายแม้เล็กน้อยก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพของปั๊มลดลงอย่างรุนแรง และอาจทำให้ปั๊มหยุดทำงานทั้งหมด การซ่อมแซมปั๊มที่เสียหายต้องใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
การปนเปื้อนในระบบ (System Contamination)
การสึกหรอภายในที่เกิดจากการทำงานแห้งสามารถทำให้เกิดการสึกหรอต่อไปในระบบทั้งหมด ซึ่งเกิดจากความร้อนมากเกินไปหรืออนุภาคโลหะที่เกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนเคลื่อนไหวภายในปั๊ม ซึ่งจะเดินทางไปในระบบและอาจทำให้เกิดการอุดตันในวาล์ว ท่อ และท่อโลหะ ซึ่งอาจนำไปสู่การล้มเหลวของระบบในระยะยาว
วิธีการหลีกเลี่ยงการทำงานแห้งของปั๊ม
การลดเวลาที่ปั๊มทำงานแห้ง
คุณอาจต้องทำให้ปั๊มทำงานแห้งในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อล้างระบบให้หมด แต่ควรพยายามให้ช่วงเวลาดังกล่าวสั้นที่สุด เมื่อถังหรือระบบถูกทำให้ว่างจากปั๊มแล้ว ควรปิดปั๊มทันที อย่าปล่อยให้ปั๊มทำงานต่อไปโดยไม่มีของเหลวเป็นเวลานานเกินหนึ่งนาที
การติดตามการทำงานของปั๊มตั้งแต่ต้นจนจบ
การมีบุคคลหนึ่งที่รับผิดชอบในการติดตามการทำงานของปั๊มสามารถช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการทำงานแห้งได้ ปกติแล้วปั๊มอาจถูกทิ้งให้ทำงานจนงานเสร็จ หากปั๊มทำงานเร็วเกินไปและของเหลวในระบบหมดก็จะทำงานแห้งจนทำให้ปั๊มเสียหายก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานจะมาหยุดมัน การมีผู้ดูแลปั๊มตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาการทำงานของปั๊ม
การใช้ระบบป้องกัน/ควบคุมปั๊ม
บางบริษัทได้พัฒนาวิธีการควบคุมการทำงานของปั๊มจากระยะไกล โดยการใช้ระบบป้องกันพิเศษและระบบควบคุม ซึ่งสามารถหยุดปั๊มอัตโนมัติเมื่อใกล้จะทำงานแห้ง ช่วยรักษาชิ้นส่วนภายในของปั๊มและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง แต่การใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม